“เจดดาห์” เจ้าสาวแห่งทะเลแดง    

เมื่อนึกถึงเมืองตากอากาศยอดนิยมที่สุด ของซาอุดิอาระเบีย คงต้องเป็น “เจดดาห์” เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ รองจากเมืองหลวงริยาดห์ 

แล้วเมืองนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ?

เจดดาห์….เป็นเมืองที่มีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแดง 
เจดดาห์…. เป็นประตูสู่สองนครศักดิ์สิทธิ์ เมกกะห์ และ เมดิน่าห์ 
เจดดาห์…. เป็นเมืองวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเล 
เจดดาห์…. เป็นเมืองพักตากอากาศยอดนิยม ที่นักทักเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเยือนไม่ขาดสาย  เพราะเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหล สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน 

ในท่ามกลางความงามหลากหลาย ที่ทำให้เจดดาห์สวยงามโดดเด่น มีหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมือง ที่ส่องประกาย ความงามทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน นั่นคือ น้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahad’s Fountain) ที่ติดสถิติว่าเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก โดยพุ่งน้ำได้สูงกว่า 312 เมตร สามารถมองเห็นได้จากเกือบทุกมุมเมืองของเจดดาห์ โดยเฉพาะยามค่ำคืน สถานที่แห่งนี้จะสดใส สว่างไสว ไปด้วยแสงสี สวยงามตระการตาเป็นพิเศษ

น้ำพุที่ว่านี้ ตั้งอยู่ในย่านที่ไม่ควรพลาดในการไปเยือน เมื่อมาถึงเมืองเจดดาห์ นั่นคือ Jeddah Corniche หรือรู้จักกันอีกชื่อว่า Jeddah Waterfront เป็นส่วนของเมืองที่มาเดินเล่นแบบชิลล์ๆผ่อนคลายได้ เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลแดง ที่มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร มีถนนเลียบชายฝั่งยาวตลอดเส้น

ในตัวเมืองเจดดาห์ เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย รวมถึงมัสยิดเก่าแก่หลายๆแห่ง และหนึ่งในมัสยิดที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในเมืองเจดดาห์ คือ มัสยิดอัลราห์มา (Al Rahma Mosque) หรือรู้จักกันในนาม “มัสยิดลอยน้ำ” เป็นสถาปัตยกรรมอาคารสีขาวที่ประดับโดดเด่นด้วยโดมสีฟ้าคราม และหอขานสูงตระหง่านสีขาว ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสาย Corniche ที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ในเวลาน้ำขึ้น ตัวอาคารมัสยิดดูเหมือนจะลอยเด่นอยู่เหนือคลื่นของน้ำในทะเลแดงเบื้องล่าง  

จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองเจดดาห์ ทำให้มีสถานที่หนึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO)ในปี ค.ศ. 2014 สถานที่นี้รู้จักกันว่าเป็นย่านเมืองเก่า โดยมีชื่อเรียกว่า อัลบาลัด (Al Balad) ที่นี่….เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งเมืองเจดดาห์ เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่โบราณ มีตรอกซอกซอยและถนนคดเคี้ยว มีตลาดพื้นเมือง ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ที่ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สวยงามตามแบบฉบับดั้งเดิม

ในย่านเมืองเก่าของเจดดาห์ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองที่เรียกว่า พิพิธภัณฑ์บ้านนาซีฟ (Biet Nassif  House Museum) เป็นบ้านเก่าแก่สวยงาม สร้างช่วงปลายคริสต์ศักราช 1800 เคยถูกใช้เป็นสถานที่พบปะสำหรับผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ในอดีต และปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงให้เห็นถึงการออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมและการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณในยุคนั้นๆ

ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเมืองท่าอย่าง “เจดดาห์” นอกเหนือจากการเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วไปจากทั่วโลก คือ การเป็นประตูหลักสำหรับนักจาริกแสวงบุญชาวมุสลิม ที่ต้องการเดินทางมายังสองนครศักดิ์สิทธิ์ “เมกกะห์ และ เมดิน่าห์” ให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและ
ความสวยงามตระการตาของเมืองในแต่ละแง่มุม ที่เจดดาห์เป็น และมีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เมืองท่องเที่ยวหลักริมทะเลแดงแห่งนี้ ได้รับสมญานามว่า “Arous Al-Bahar” หรือ "เจ้าสาวแห่งทะเลแดง" ที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนมากขึ้นในทุกๆปี

Let’s go to Saudi Arabia !

Top